3. เทคนิค 10 ประการในการนำเสนอ
3.1
แสดงออกถึงความต้องการในการนำเสนอ
เทคนิคแรกที่สำคัญคือผู้บรรยายหรือผู้นำเสนอจะต้องแสดงออกถึงความต้องการ ความกระตือรือล้นในการที่จะนำเสนอ ซึ่งผู้ฟังเองจะสามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้ และจะเกิดความรู้สึกสนใจในการเข้าฟัง แต่ความรู้สึกที่อยากจะนำเสนอของผู้บรรยายนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อต้องมีความเชื่อและมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในเนื้อหาว่าเหมาะสม การออกแบบหรือรูปแบบของสไลด์สมบูรณ์แบบ องค์ประกอบต่างๆครบและถูกต้อง ความแตกต่างของมือสมัครเล่นกับมืออาชีพคือความสามารถในการที่จะสร้างแรงจูงใจต่อผู้ฟังการบรรยาย การนำเสนอก็จะบรรลุผลสำเร็จหรือไม่สิ่งสำคัญที่สุดคือเชื่อความสัทธาในงานของผู้นำเสนอเอง
3.2 เริ่มต้นนำเสนออย่าง เต็ม 100
อย่าพลาดโอกาส 2-3 นาทีแรกของการนำเสนอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นนาทีทองหรือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการบรรยาย ผู้บรรยายจะต้องดึงความสามารถของตนเองออกมาใช้ทั้งหมด เพราะในช่วงนี้ถ้าผู้บรรยายไม่สามารถทำให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือความสนใจที่จะฟังได้ การที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของการบรรยายก็จะเป็นเรื่องยาก อย่าไปเสียเวลากับการกล่าวนำ หรือกล่าวถึงความเป็นมาต่างๆที่ไม่ใช้สาระสำคัญ ถ้าพลาดนาทีทองนี้ ผู้บรรยายอาจจะพบกับปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ฟังในทางที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การนั่งคุยกันเอง หรือการวิจารณ์ว่าไม่น่าสนใจ
3.3
นำเสนอให้กระชับ
พฤติกรรมของผู้เข้ารับฟังการบรรยาย ส่วนมากจะให้ความสำคัญหรือรอคอยกิจกรรมอยู่สองช่วง ช่วงแรกคือช่วงเริ่มงาน และช่วงที่สองคือช่วงที่ได้ยินคำว่า สรุปว่า….. ซึ่งมักจะเป็นช่วงใกล้จะจบการนำเสนอ ไม่มีใครที่อยากจะนั่งอยู่กับที่และฟังการบรรยายนานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฟังในปัจจุบันซึ่งต่างคนก็ต่างมีภาระมากมายเวลาเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าการบรรยาย 30 นาทีแต่ผู้บรรยายสามารถทำให้จบได้ภายใน 25 นาที ผู้ฟังจะรู้สึกดีและอยากที่จะเข้าร่วมในการบรรยายครั้งต่อไปถ้าผู้บรรยายคนนี้เป็นวิทยากร ในทางตรงกันข้ามถ้าจบการบรรยายโดยใช้เวลา 35 นาที จะเกิดพฤติติกรรมตอบสนองในเชิงลบเช่น เสียงคุยมากขึ้น เสียงขยับโต๊ะ เริ่มเก็บอุปเครื่องเขียนและเอกสารเข้ากระเป๋า เป็นต้น และผู้ฟังจะไม่รู้สึกอยากเข้าร่วมฟังการบรรยายของวิทยากรคนนี้ในครั้งต่อไป
3.4
หลีกเลี่ยงการใช้โพเดียม
เป้าหมายของการบรรยายก็เพื่อการสื่อสารกับผู้ฟัง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการพูดแต่เพียงอย่างเดียว
กิริยาท่าทาง หรือภาษากายก็มีความสำคัญในการสือสาร การเคลื่อนที่ของร่างกายเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดความสนใจ
และการสือสาร
สิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะถูกบดบังด้วยอุปสรรค์ทางกายภาพ
คือการที่ผู้บรรยายยืนบรรยายอยู่ข้างหลังโพเดียม
การบรรยายโดยไม่ใช้โพเดียม
นอกจากจะทำให้การสือสารดีขึ้นแล้วยังทำให้ผู้ฟังและตัวผู้บรรยายเองเกิดตวามมั่นใจในการบรรยายอีกด้วย
3.5
ใช้อุปกรณ์ รีโมทคอนโทรล ในระหว่างการบรรยาย
การบรรยายส่วนมาก
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กที่ผู้บรรยายเตรียมมามักจะวางอยู่บนโพเดียม
เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้บรรยายต้องยึดติดอยู่กับโพเดียมเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนสไลด์ รีโมทคอนโทรล เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้ผูบรรยายหลีกเลี่ยงการใช้โพเดียม
3.6 เรียนรู้และใช้แป้นพิมพ์
ตัวอักษร “B”
ในบางช่างของการบรรยาย
ถ้าผู้บรรยายต้องการจะออกจากสาระบนสไลด์ในชั่วขณะ
เพื่อดึงให้ความสนใจของผู้ฟังมาอยู่ที่ตัวผู้บรรยาย การออกจากโปรแกรมไม่ใช่วิธีที่ควรจะทำ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว
และให้รู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพของผู้บรรยาย B คีย์
คือคำตอบเพราะการกด B คีย์จะใช้ในการทำให้เกิดภาวะหน้าจอว่าง
(Blank or Black Screen) หรือ W คีย์ จะทำให้หน้าจอเป็นสีขาว
3.7 ใช้สายตาเป็นสื่อสู่ผู้ฟัง
ระหว่างการบรรยายอย่าละสายตาออกจากผู้ฟังเพื่ออ่านข้อความบนสไลด์ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะหันหลังเข้าหาผู้ฟัง ถึงแม้บางครั้งจะต้องดูสไลด์ ให้ใช้การเหลือบมองแทนการหันหลัง
การชี้ข้อมูลหรือจุดสำคัญบนสไลด์ก็สามารถหลีกเลี่ยงการหันหลังได้โดยการยืนให้เฉียงจากจอ
การไม่ละทิ้งสายตาจากผู้ฟังจะแสดงถึงการให้ความสำคัญและการใส่ใจต่อผู้ฟัง การมองผนวกกับรอยยิ้มสยามบนใบหน้า เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะการสร้างความประทับใจแก่ผู้การบรรยาย
3.8
ให้แสงสว่างอย่างเพียงพอ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
ควรเปิดไฟระหว่างการบรรยาย
ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายในห้องเรียนหรือห้องประชุม ควรเปิดไฟมากกว่าปิดไฟ แสงสว่างจะเป็นเป็นตัวกระตุ้นความกระตือรือล้นและยังทำให้การสื่อสารด้วยสายตาและท่าทางมีประสิทธิภาพมากกว่าการบรรยายในที่แสงน้อยหรือที่มืดที่เหมาะแก่การสร้างบรรยากาศของการพักผ่อน ทำให้ผู้ฟังเกิดอาการง่วงนอน
การปิดไฟมีวัตถุประสงค์อยู่เพียงอย่างเดียวคือเพื่อทำให้การมองจอสไลด์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ซึ่งด้วยเทคโนโลยีของเครื่องฉายสไลด์ในปัจจุบัน ความสว่างและความคมชัดของของจอมีมากเกินพอ
โดยไม่จำเป็นที่จะต้องปิดหรือหรี่ไฟเพื่อลดแสงสว่างภายในห้องบรรยาย
3.9 ใช้ ทีวี ในการนำเสนอต่อกลุ่มย่อย
ถ้าจะนำเสนอต่อกลุ่มผู้ฟัง
5-6 คน ควรใช้ทีวี แทนการใช้เครื่องฉาย
นอกจากมีความเหมาะสมทางด้านการประหยัดพลังงานแล้ว
ความใกล้ชิดระหว่างผู้บรรยายกับผู้ฟังจะมีมาก บรรยากาศของความเป็นกันเองจะเกิดขึ้นง่าย การแสดงออกถึงความคิดเห็นหรือคำถาม
จะเป็นไปอย่างกว้างขวาง
ในการนำเสนอโดยใช้ทีวีนั้น
ผู้พูดต้องตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าสไลด์ที่เตรียมมานั้นมีความเหมาะสมเว่น
ขนาดของตัวหนังสือ
ถ้าฉายทางโปรเจ็คเตอร์สามารถอ่านได้ชัดเจน แต่ถ้าผ่านทางทีวีอาจมีขนาดเล็กไป เหล่านี้คือสิ่งที่ไม่ควรละเลย
3.10 ใส่ใจ
ให้เกียรติ ต่อผู้ฟัง
กิริยา มารยาท
เป็นสิ่งที่ผู้ฟังรับรู้ได้
การบรรยายถึงแม้จะมีความเข้มข้น น่าสนใจ
ก็ควรจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสุภาพ การให้เกียรติ์ คำบางคำควรพูด บางคำไม่ควร
คำที่จะอาจจะตึความได้ทั้งเชิงบวกและเชิงลบไม่ควรนำมาใช้ การให้เกียรติ์โดยการกล่าวคำขอบคุณเมื่อผู้ฟังเสนอความคิดเห็น การใส่ใจที่จะตอบคำถาม ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย
เหล่านี้เป็นองค์ประกอบของการนำเสนอที่จะนำไปสู่ผลสำเร็จแบบมืออาชีพ
No comments:
Post a Comment