June 11, 2018

High Performance PoweBank (Energizer QE10000CQ)

กำลังหา powerbank เพื่อใช้กับโทรศัพท์ ที่charge แบบไร้สายได้ หาไป หามา ก็เจอหนึ่งตัว ราคาประมาณสองพันนิดๆ ถือว่าแพงงงงง

นั่นนนน คือ


PowerBank 10000mAh.

จุดเด่น
- เก็บไฟได้ 10000mAh.
- รองรับ Fast Charge ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
- Charge ไฟเข้าก็เป็น Quick Charge
- จ่ายไฟได้สองช่อง
- ประกันสองปี

จุดด้อย
- ราคาแพง
- Charge ไร้สายจะร้อนพอควร



Specification
Model nameQE10000CQ
Battery CellLithium Polymer
Capacity10000mAh
InputMicro USB 5V, 2A (Max.)
Type-C PD 5V, 3A / 9V, 2A
OutputUSB-A 5V, 2.4A 
USB-A (Quick Charge) 5V, 3A / 9V, 2A / 12V, 1.5A 
Type-C PD 5V, 3A / 9V, 2A / 12V, 1.5A 
Wireless Charger 5V, 5W / 9V, 10W

June 9, 2018

OAKLEY Frogskins Polished clear/Violet Iridium

ผ่านร้าน กำลังลดราคา ของตกรุ่น
ลด 40% จากตัวแทนจำหน่าย ของแท้แน่ใจ

OAKLEY Frogskins Polished clear/Violet Iridium






OAKLEY Frogskins Polished clear/Violet Iridium

เป็นชิ้นแรกที่หยิบมาลอง และพอลองชิ้นอื่นๆ ก็กลับมาเอาตัวแรก พอใส่แล้ว มองออกมาเป็นสีเหลือง เหมากับการใส่เวลากลางคืนหรือแสงน้อยๆ น่าจะดี เหมือน eagle eye

ข้อดี
- สีใส ตัวกับสีม่วง กวนใช้ได้
- สีปรอท ปิดสายตาได้ดี
- ยีห้อคุ้นเคย

ข้อเสีย
- ราคาพอทน ถ้าไม่ลดคงไม่เอา
- กรอบเล็กไปนิดนึง เทียบกับหน้าใหญ่ๆ
- ดูพลาสติกมาก

ถ้าเป็นรุ่นใหม่น่าจะเป็น

FROGSKINS™ CRYSTAL COLLECTION

January 28, 2018

Basic Microsoft Office: การขึ้นหน้าใหม่ และการจัดบางหน้าให้เป็นแนวนอน


การขึ้นหน้าใหม่
ไม่ควรกด enter ไปเรื่อยๆ เนื่องจากเมื่อเรากลับไปแก้เอกสารหน้าต้นๆแล้วจะทำให้เอกสารเลื่อนลงมา (เนื่องจากการกด enter เหมือนกับมีข้อมูลอยู้) เมื่อต้องการขึ้นหน้าใหม่ ควรใช้ Ctrl + enter แทน
การจัดบางหน้าให้เป็นแนวนอน
ใช้วิธีการเลือกเอกสารที่ต้องการแล้วไปที่ Page Setup เลือกแนวนอน และเลือก apply to : selected text

Basic Microsoft Office: copy paste & format painter


การ copy และวาง ในแบบต่างๆ ที่ต่างกัน และการใช้งาน format painter ที่สามารถใช้งานใน word excel และ powerpoint

https://www.youtube.com/watch?v=wk0lbyloJCg

ลองชมดูครับ

#Microsoft Office #Word #Excel

January 18, 2018

ไม่น่าเชื่อ youtube ที่ทำเพราะขี้เกียจบอกซ้ำๆ จะมียอดคนดูมากขนาดนี้ 11x,xxx วิว แล้ว

การสร้างสารบัญแบบอัตโนมัติ โดยใช้โปรแกรม Microsoft Office, Microsoft Word
*** หมายเหตุ ***
ไม่สามารถใช้กับ Microsoft Office online ได้นะครับ แต่สามารถประยุต์ใช้กับ Word 2007, 2010, 2013, 2016 ได้

เทคนิคการนำเสนอ (ตอนที่ 3)

3. เทคนิค  10 ประการในการนำเสนอ

3.1 แสดงออกถึงความต้องการในการนำเสนอ

เทคนิคแรกที่สำคัญคือผู้บรรยายหรือผู้นำเสนอจะต้องแสดงออกถึงความต้องการ  ความกระตือรือล้นในการที่จะนำเสนอ  ซึ่งผู้ฟังเองจะสามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้ และจะเกิดความรู้สึกสนใจในการเข้าฟัง    แต่ความรู้สึกที่อยากจะนำเสนอของผู้บรรยายนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อต้องมีความเชื่อและมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในเนื้อหาว่าเหมาะสม  การออกแบบหรือรูปแบบของสไลด์สมบูรณ์แบบ    องค์ประกอบต่างๆครบและถูกต้อง  ความแตกต่างของมือสมัครเล่นกับมืออาชีพคือความสามารถในการที่จะสร้างแรงจูงใจต่อผู้ฟังการบรรยาย   การนำเสนอก็จะบรรลุผลสำเร็จหรือไม่สิ่งสำคัญที่สุดคือเชื่อความสัทธาในงานของผู้นำเสนอเอง   

3.เริ่มต้นนำเสนออย่าง เต็ม 100

          อย่าพลาดโอกาส  2-3 นาทีแรกของการนำเสนอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นนาทีทองหรือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการบรรยาย  ผู้บรรยายจะต้องดึงความสามารถของตนเองออกมาใช้ทั้งหมด   เพราะในช่วงนี้ถ้าผู้บรรยายไม่สามารถทำให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือความสนใจที่จะฟังได้   การที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของการบรรยายก็จะเป็นเรื่องยาก  อย่าไปเสียเวลากับการกล่าวนำ  หรือกล่าวถึงความเป็นมาต่างๆที่ไม่ใช้สาระสำคัญ  ถ้าพลาดนาทีทองนี้ ผู้บรรยายอาจจะพบกับปฏิกิริยาตอบสนองของผู้ฟังในทางที่ไม่พึงประสงค์  เช่น การนั่งคุยกันเอง หรือการวิจารณ์ว่าไม่น่าสนใจ   

3.3 นำเสนอให้กระชับ

  พฤติกรรมของผู้เข้ารับฟังการบรรยาย ส่วนมากจะให้ความสำคัญหรือรอคอยกิจกรรมอยู่สองช่วง  ช่วงแรกคือช่วงเริ่มงาน และช่วงที่สองคือช่วงที่ได้ยินคำว่า  สรุปว่า…..       ซึ่งมักจะเป็นช่วงใกล้จะจบการนำเสนอ   ไม่มีใครที่อยากจะนั่งอยู่กับที่และฟังการบรรยายนานๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฟังในปัจจุบันซึ่งต่างคนก็ต่างมีภาระมากมายเวลาเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง   ถ้าการบรรยาย 30  นาทีแต่ผู้บรรยายสามารถทำให้จบได้ภายใน  25 นาที   ผู้ฟังจะรู้สึกดีและอยากที่จะเข้าร่วมในการบรรยายครั้งต่อไปถ้าผู้บรรยายคนนี้เป็นวิทยากร   ในทางตรงกันข้ามถ้าจบการบรรยายโดยใช้เวลา 35 นาที  จะเกิดพฤติติกรรมตอบสนองในเชิงลบเช่น เสียงคุยมากขึ้น  เสียงขยับโต๊ะ  เริ่มเก็บอุปเครื่องเขียนและเอกสารเข้ากระเป๋า  เป็นต้น  และผู้ฟังจะไม่รู้สึกอยากเข้าร่วมฟังการบรรยายของวิทยากรคนนี้ในครั้งต่อไป

3.4 หลีกเลี่ยงการใช้โพเดียม

 เป้าหมายของการบรรยายก็เพื่อการสื่อสารกับผู้ฟัง   ซึ่งไม่ได้เกิดจากการพูดแต่เพียงอย่างเดียว กิริยาท่าทาง หรือภาษากายก็มีความสำคัญในการสือสาร  การเคลื่อนที่ของร่างกายเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดความสนใจ และการสือสาร  สิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะถูกบดบังด้วยอุปสรรค์ทางกายภาพ คือการที่ผู้บรรยายยืนบรรยายอยู่ข้างหลังโพเดียม  การบรรยายโดยไม่ใช้โพเดียม นอกจากจะทำให้การสือสารดีขึ้นแล้วยังทำให้ผู้ฟังและตัวผู้บรรยายเองเกิดตวามมั่นใจในการบรรยายอีกด้วย 


3.5 ใช้อุปกรณ์ รีโมทคอนโทรล ในระหว่างการบรรยาย
          การบรรยายส่วนมาก คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กที่ผู้บรรยายเตรียมมามักจะวางอยู่บนโพเดียม เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้บรรยายต้องยึดติดอยู่กับโพเดียมเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนสไลด์    รีโมทคอนโทรล เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้ผูบรรยายหลีกเลี่ยงการใช้โพเดียม 


3.เรียนรู้และใช้แป้นพิมพ์ ตัวอักษร “B
          ในบางช่างของการบรรยาย  ถ้าผู้บรรยายต้องการจะออกจากสาระบนสไลด์ในชั่วขณะ  เพื่อดึงให้ความสนใจของผู้ฟังมาอยู่ที่ตัวผู้บรรยาย   การออกจากโปรแกรมไม่ใช่วิธีที่ควรจะทำ  เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว  และให้รู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพของผู้บรรยาย   B คีย์ คือคำตอบเพราะการกด B คีย์จะใช้ในการทำให้เกิดภาวะหน้าจอว่าง (Blank or Black Screen)  หรือ W คีย์ จะทำให้หน้าจอเป็นสีขาว


3.7 ใช้สายตาเป็นสื่อสู่ผู้ฟัง
ระหว่างการบรรยายอย่าละสายตาออกจากผู้ฟังเพื่ออ่านข้อความบนสไลด์  ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะหันหลังเข้าหาผู้ฟัง   ถึงแม้บางครั้งจะต้องดูสไลด์ ให้ใช้การเหลือบมองแทนการหันหลัง   การชี้ข้อมูลหรือจุดสำคัญบนสไลด์ก็สามารถหลีกเลี่ยงการหันหลังได้โดยการยืนให้เฉียงจากจอ   การไม่ละทิ้งสายตาจากผู้ฟังจะแสดงถึงการให้ความสำคัญและการใส่ใจต่อผู้ฟัง   การมองผนวกกับรอยยิ้มสยามบนใบหน้า   เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะการสร้างความประทับใจแก่ผู้การบรรยาย
3.8 ให้แสงสว่างอย่างเพียงพอ
          กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ควรเปิดไฟระหว่างการบรรยาย  ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายในห้องเรียนหรือห้องประชุม  ควรเปิดไฟมากกว่าปิดไฟ  แสงสว่างจะเป็นเป็นตัวกระตุ้นความกระตือรือล้นและยังทำให้การสื่อสารด้วยสายตาและท่าทางมีประสิทธิภาพมากกว่าการบรรยายในที่แสงน้อยหรือที่มืดที่เหมาะแก่การสร้างบรรยากาศของการพักผ่อน  ทำให้ผู้ฟังเกิดอาการง่วงนอน  การปิดไฟมีวัตถุประสงค์อยู่เพียงอย่างเดียวคือเพื่อทำให้การมองจอสไลด์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งด้วยเทคโนโลยีของเครื่องฉายสไลด์ในปัจจุบัน  ความสว่างและความคมชัดของของจอมีมากเกินพอ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องปิดหรือหรี่ไฟเพื่อลดแสงสว่างภายในห้องบรรยาย

3.9 ใช้ ทีวี ในการนำเสนอต่อกลุ่มย่อย
          ถ้าจะนำเสนอต่อกลุ่มผู้ฟัง 5-6 คน ควรใช้ทีวี แทนการใช้เครื่องฉาย นอกจากมีความเหมาะสมทางด้านการประหยัดพลังงานแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างผู้บรรยายกับผู้ฟังจะมีมาก บรรยากาศของความเป็นกันเองจะเกิดขึ้นง่าย  การแสดงออกถึงความคิดเห็นหรือคำถาม จะเป็นไปอย่างกว้างขวาง  ในการนำเสนอโดยใช้ทีวีนั้น  ผู้พูดต้องตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าสไลด์ที่เตรียมมานั้นมีความเหมาะสมเว่น ขนาดของตัวหนังสือ  ถ้าฉายทางโปรเจ็คเตอร์สามารถอ่านได้ชัดเจน แต่ถ้าผ่านทางทีวีอาจมีขนาดเล็กไป  เหล่านี้คือสิ่งที่ไม่ควรละเลย

3.10  ใส่ใจ ให้เกียรติ ต่อผู้ฟัง
          กิริยา มารยาท เป็นสิ่งที่ผู้ฟังรับรู้ได้  การบรรยายถึงแม้จะมีความเข้มข้น น่าสนใจ  ก็ควรจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสุภาพ การให้เกียรติ์   คำบางคำควรพูด บางคำไม่ควร  คำที่จะอาจจะตึความได้ทั้งเชิงบวกและเชิงลบไม่ควรนำมาใช้   การให้เกียรติ์โดยการกล่าวคำขอบคุณเมื่อผู้ฟังเสนอความคิดเห็น  การใส่ใจที่จะตอบคำถาม  ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย  เหล่านี้เป็นองค์ประกอบของการนำเสนอที่จะนำไปสู่ผลสำเร็จแบบมืออาชีพ 

เทคนิคการนำเสนอ (ตอนที่ 2)

2. ข้อควรปฏิบัติในการสร้างสไลด์เพื่อการนำเสนอ

2.ทำให้สไลด์เรียบง่าย  

แม้ว่าโปรแกรม Microsoft PowerPoint จะถูกออกแบบมาสนับสนุนการใช้กราฟิกในรูปแบบต่างๆ ในแนวนอน (Horizontal or Landscape) ต่างจากาารใช้แผ่นใส หรือแผ่นทึบในการนำเสนอ ทั้งนี้เพื่อทำให้การบรรยายมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ตาม  แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดหรือสิ่งที่เป็นตัวเอกในการนำเสนอคือตัวสไลด์เอง  แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ฟัง (audience) ที่มานั่งฟังการบบรรยายเพื่อรับข้อมูลจากผู้บรรยาย โดยมีสไลด์เป็นเพียงตัวประกอบ ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะใส่ข้อมูลทั้งตัวหนังสือ หรือกราฟิกทุกอย่างลงบนแผ่นสไลด์   เพื่อหวังให้ผู้เข้าฟังการบบยายได้ข้อมูลมากที่สุดจากสไลด์   หรือเพื่อเป็นการเติมเต็มพื้นที่ว่างบนสไลด์    ในทางตรงกันข้ามแผ่นสไลด์ที่ดีควรมีพื้นที่ว่าง( white space or negative space )ให้มาก   ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใส่ รูปภาพ  โลโก้ (logo)  หรือเครื่องหมายการค้าต่างๆ เพื่อเติมเต็มพื้นที่ว่าง   สไลด์ที่เรียบง่าย มีพื้นที่ว่างมากจะมีประสิทิภาพในการนำเสนอมากกว่าสไลด์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลและรูปภาพ


2.จำกัดการใช้หัวข้อและตัวอักษร
การนำเสนอนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ฟัง  ไม่ควรทำให้น่าเบื่อโดยการนำเสนอด้วยสไลด์ที่มีแต่หัวข้อตามด้วยตัวอักษร  สไลด์ที่ดีที่สุดคือสไลด์ที่ปราศจากตัวอักษร และ และปราศจากความหมายถ้าขาดผู้บรรยาย  จำใว้เสมอว่าสไลด์เป็นเพืยงองค์ประกอบที่ใช้สนับสนุนผู้บรรยายเท่านั้น   เมื่อกล่าวเช่นนี้อาจเกิดคำถามขึ้นว่า ในหลายครั้งของการบรรยายผู้ที่เข้าร่วมการฟังบรรยายหรือแม้แต่ผู้ที่พลาดการฟังบรรยายมักจะติดต่อขอชุดสไลด์ที่นำเสนอ   ถ้าสไลด์ไม่เต็มไปด้วยข้อมูลและไม่มีคำอธิบายต่างๆในสไลด์ จะมีประโยชน์อย่างไร   ถูกต้องแล้ว สไลด์นั้นไม่ควรเกิดประโยชน์แต่อย่างไร    แต่อย่าลืมว่าก่อนที่จะลงมือสร้างสไลด์ได้นั้นจะต้องมีเอกสารรายละเอียด  หัวข้อ ประเด็นสำคัญ  รวมทั้งบทสรุปเพื่อเป็นข้อมูลขั้นต้นก่อนการทำสไลด์   เอกสารเหล่านี้ต่างหากที่เป็นคำตอบ ที่ควรจัดเตรียมแจกให้ผู้เข้าฟังการบบรยายหรือผู้พลาดการบรรยาย  หรือ ผู้บรรยายจัดทำรายละเอียดแต่ละสไลด์ พิมพ์ลงใน Note ของแต่ละสไลด์ เมื่อพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ และให้พิมพ์โน๊ตของแต่ละสไลด์ด้วยแทนการใส่ข้อมูลทั้งหมด ลงไปในสไลด์




2.3 จำกัดการใช้ ภาพเคลื่อนไหว  (transition and build)
          การใช้ ทรานซิชั่น ระหว่างหน้าของแต่ละสไลด์นั้นสามารถทำได้แต่ไม่ควรแทรกในทุกหน้าของสไลด์  และไม่ควรใช้ทรานซิชั่นหลากหลายรูปแบบ  ควรจำกัดอยู่ที่ 2-3 รูปแบบ การใช้ทรานซิชั่นในช่วงของ2-3สไลด์แรกอาจทำให้การพรีเซนเตชั่นมีความน่าสนใจ  แต่ถ้ามากไปกว่านี้นอกจากจะทำให้เสียเวลาแล้วยังทำให้ผู้เข้าฟังเกิดความน่าเบื่อ     การใช้วัตถุเคลื่อนไหวเช่น  ให้หัวข้อต่างๆ วิ่งออกมาจากทิศทางที่กำหนด  ควรกำหนดให้เหมาะสม เช่นถ้าเป็น  bullet ควรกำหนดให้วิ่งมาจากด้านซ้ายของจอภาพ  ไม่ใช่จากขวามาซ้าย   ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกำหนดให้วัตถุเช่นตัวหนังสือหรือกราฟิกทุกอย่างในไสลด์มีการเคลื่อนไหว  เช่น ตัวหนังสือค่อยๆหล่นมาทีละตัว หรือลอยมาจากด้านบน  รูปภาพค่อยๆปรากฏขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นการเสียเวลาและอาจดูตลกมากกว่าน่าสนใจ 
2.4 ใช้กราฟิกที่มีคุณภาพสูงหรือภาพถ่าย
          การใช้กราฟิกในแต่ละหน้าของสไลด์ไม่ควรจะถูกมองข้าม  ควรเลือกใช้กราฟิกที่ที่มีคุณภาพสูงซึ่งอาจหา ดาว์โหลดมาจากอินเตอร์เน็ท  จากแผ่นซีดีรูปภาพที่มีขายอยู่ทั่วไป  หรือภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล  อย่าคิดแต่เพียงว่าถ้าจะใส่กราฟิกให้ค้นจากคลิปอาตร์  ที่มีอยู่ในโปรแกรม PowerPoint (PowerPoint Clip Art) หรือการ์ตูนที่เป็นลายเส้น เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลียงเป็นเป็นอย่างยิ่ง   เพราะผู้ฟังการบรรยายเคยเห็นกราฟิกเหล่านี้มาแล้วหลายครั้ง ความน่าสนใจของสไลด์จะลดน้อยลงเนื่องจากความซ้ำซาก    อีกประการหนึ่งที่ควรระวังในการใช้กราฟิกคือถ้าหลีกเลียงได้ไม่ควรที่จะทำการเปลี่ยนแปลงขนาดของรูปภาพเพื่อให้เหมาะกับขนาดของสไลด์ เพราะจะมีผลทำให้คุณภาพของรูปภาพลดน้อยลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงขนาดจะทำให้ ความละเอียดของภาพ (resolution) เปลี่ยนไป  


2.5 หลีกเลี่ยงการใช้  โครงร่างสไลด์สำเร็จรูป (Template)
เหตุผลก็คือ สำหรับมือใหม่ หรือสำหรับบุคลทั่วไปที่ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการนำเสนอ มักจะทำสิ่งที่ง่ายๆ  โดยหาใช้เครื่องมือที่มีโปรแกรม PowerPoint จัดเตรียมไว้ให้ การเรียกใช้ template ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่นำมาใช้โดยทั่วไป ผลตามมาก็คือ  สร้างความเบื่อหน่ายให้ผู้เข้าฟังการนำเสนอ  เพราะไม่ว่าจะงานเข้าร่วมงานใด ก็มักจะเห็นแต่ template ซ้ำๆ   การหลีกหนีจากความจำเจนี้สามารถทำได้โดย การค้นหา template จากอินเตอร์เน็ท   หรือออกแบบ template ขึ้นเองโดยเลือกใช้องค์ประกอบของสไลด์ เช่น  ฉากด้านหลัง( background) ที่เหมาะสมกับหัวข้อที่จะนำเสนอ แล้วจัดเก็บใว้ในคลังของ template  ซึ่งสามารถเรียกใช้หรือเรียกมาทำการแก้ไขได้ในภายหลัง และ องค์กรควรมีโครงสร้างสไลด์ขององค์กร เพื่อเป็นแบบแผนเดียวกันทั้งองค์กร

2.6 เลือกใช้ชาร์ต (Chart) ที่เหมาะสม
ถามตนเองอยู่เสมอว่า  ข้อมูลมากน้อยเพียงไรที่จะนำเสนอบน chart ผู้บรรยายส่วนมากมักจะใส่ทุกข้อมูลมากเกินความจำเป็นซึ่งไม่เป็นผลดีแต่อย่างไร เพราะจะสร้างความสับสน    นอกจากนี้การเลือกใช้กราฟก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะกราฟแต่ละแบบมีความเหมาะสมกับชุดข้อมูลที่แตกต่างกัน

Pie Charts 
เหมาะกับการนำเสนอข้อมูลที่เป็นสัดส่วน หรือ

เปอร์เซ็นต์  ในแต่ละกราฟควรแบ่งส่วนให้ยู่ในช่วง 4-6 และใช้ความแตกต่างของสีในแต่ละส่วน  หรืออาจใช้การปรับขนาดของบางส่วนให้ต่างจากส่วนอื่นๆของกราฟ


Vertical Bar Chartsใช้แสดงการเปรียบเทียบ จำนวนหรือปริมาณเทียบกับเวลาที่เปลี่ยนไป  จำนวนแท่ง(column)ที่ใช้ควรอยู่ระหว่าง 4-8 แท่งในแต่ละชาตร์

Horizontal Bar Charts.   ใช้ในการเปรียบเทียบจำนวน
 เช่นเปรียบเทียบยอดขายในแต่ละไตรมาส  หรือเทีบยอัตราการผลิต ในแต่ละโรงงาน

Line Chartsใช้ในการแสดงแนวโน้มของข้อมูล เช่นแสดงแสดงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของยอดขายในแต่ละปี 




          นอกจากนี้การใช้ ตารางข้อมูล (Table) ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการนำเสนอข้อมูลเมื่อต้องการจะเปรียบเทียบข้อมูลในเชิงปริมาณ ที่มีชุดข้อมูลที่จะเปรียบเทียบมากกว่าสองชุดข้อมูล แต่ถ้าต้องการจะเน้นถึงความแตกต่างในแต่ละชุดข้อของมูล  การใช้ บาร์ชาตร์ (bar chart) จะเหมาะสมมากกว่า เพระจะสื่อและให้อารมณ์ของความแตกต่างได้ชัดเจนมากกว่าการใช้ตาราง


2.7 ความแตกต่างของสี มีผลต่อการดึงดูดความสนใจ
สีแต่ละสี จะให้อารมณ์ และความรู้สึกที่แตกต่างกัน  การเลือกใช้สีที่เหมาะสมสามารถกระตุ้นความรู้สึกของผู้ฟังการบรรยาย  ให้เกิดความต้องการที่จะเรียนรู้ รวมทั้งความสนใจที่จะติดตามเนื้อหา   ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสี  แต่อย่างน้อยควรจะเรียนรู้พื้นฐานในการใช้สีที่ว่า สีจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือสีในโทนเย็นเช่น สีเขียว  สีน้ำเงิน และสีโทนอุ่นเช่น สีแดง สีส้ม     สีในโทนร้อนเหมาะสำหรับการใช้กับองค์ประกอบหรือวัตถุที่จะใช้เป็นส่วนหน้า (foreground) เช่น ใช้กับตัวหนังสือ ซึ่งจะให้ความรู้สึกถึงการเคลื่อนที่เข้าหาผู้ฟัง   ในทางตรงข้าม สีโทนอุ่นควรใช้กับองค์ประกอบที่เป็นฉากหลัง (background)  ที่จะให้ความรู้สึกถึงการเคลื่อนที่ออก หรือการจางหาย
          สภาพแวดล้อมของห้องที่จะใช้นำเสนอก็มีผลต่อการเลือกใช้สี  ถ้าเป็นห้องที่ค่อนข้างมืดควรใช้สีนำเงินเข้ม หรือสีเทา เป็นฉากหลัง  ตัวหนังสือใช้สีอ่อนหรือสีขาว   แต่ถ้าห้องมีแสงสว่างมากก็จะใช้ตรงกันข้ามคือใช้ตัวหนังสือเป็นสีเข้ม  และฉากหลังเป็นสีอ่อน


2.เลือกใช้  รูปแบบตัวหนังสือ (Font) ที่เหมาะสม
ฟอนต์แต่ละแบบนั้นถูกออกแบบมาด้วยวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันSerif fonts  ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับเอกสารที่พื้นที่ส่วนมากเป็นตัวหนังสือ  เนื่องจาก  Serif  fonts นั้นง่ายต่อการอ่าน   แต่อาจจะไม่เหมาะกับการนำเสนอที่ใช้เครื่องโปรเจ็คเตอร์ฉายขึ้นจอ เนื่องจาก  Serif เป็นฟอนต์ที่มีความละเอียดต่ำเมื่อถูกขยายความคมชัดก็จะลดน้อยลง  ขณะที่  Sans Serif  จะเป็นฟอนต์ที่เหมาะสมกับงานพรีเซ็นเตชั่นมากกว่า   ไม่ว่าการเลือกใช้ฟอนต์ชนิดใดก็ตามอย่าลืมที่จะทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ฟังที่นั่งอยู่ด้านหลังสามารถที่จะอ่านได้ชัดเจน




2.9 ใช้ภาพและเสียงประกอบการนำเสนอ
การที่จะเน้นหรือจะสื่อถึงกิจกรรมที่เป็นส่วนหนึ่งของการบรรยาย  คงไม่ใช้เรื่องง่ายที่จะสื่อด้วยตัวหนังสือในโปรแกรม PowerPoint เป็นเรื่องง่ายที่จะแทรก video clips และไฟล์เสียงลงไปในงานพรีเซ็นเตชั่นการใช้ภาพจาก video clips นอกจากจะกระตุ้นความสนใจของผู้ฟังแล้วยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศของการนำเสนอให้รูสึกผ่อนคลาย   สำหรับการใช้ไฟล์เสียงนั้น จะเหมาะสมกับการนำเสนอเช่น การยกตัวอย่างคำสัมภาษณ์    แต่ก็มีข้อควรหลีกเลี่ยงในการใช้เสียง เช่นการใช้เสียงเอฟเฟ็กซ์    เสียงปรบมือเวลาเปลี่ยนแผ่นสไลด์ เป็นต้น  การใช้เสียงในกรณีนี้จะทำให้งานพรีเซ็นเตชั่นที่ผู้บรรยายเตรียมมาดูไม่น่าเชื่อ  และด้อยค่าในสายตาของผู้เข้ารับฟุงการบรรยาย

2.10  ใช้เครื่องมือสำหรับการจัดเรียงสไลด์ (Slide sorter) ให้เป็นประโยชน์

Slide sorter มักเป็นเครื่องมือที่มักจะถูกมองข้าม ซึ่งในทางตรงกันข้ามเครื่องมือนี้มีความจำเป็น ที่จะทำให้ผู้บรรยายได้มองเห็นภาพรวมของสไลด์ทั้งหมด และเห็นถึงความต่อเนื่องขอสไลด์ทั้งหมดว่ามีความเหมาะสมหรือไม่  ลำดับข โทนสีหรือรูปแบบมีความสอดคล้องหรือขัดแย้งหรือไม่  ปัญหาเหล่านี้สิ่งเหล่านี้จะพบได้เมื่อใช้  Slide sorter




เทคนิคการนำเสนอ (ตอนที่ 1)

1. บทนำ
          การนำเสนอข้อมูลเป็นส่วนสำคัญของการสื่อสารในองค์กร  นอกจากจะมีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว การสื่อสารข้อมูลไปยังผู้ฟังหรือผู้รับข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้ฟังมีจำนวนมาก  เทคนิคและวิธีการ รวมถึงรูปแบบในการนำเสนอข้อมูล  เหล่านี้จะเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความสำเร็จในการสื่อสารข้อมูล    ในการดำเนินธุรกิจการนำเสนอข้อมูลจะมีผลอย่างยิ่งต่อการประสบผลสำเร็จของธุรกิจนั้นๆ   เช่น  ถ้าบริษัทต้องการออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่สู่ตลาด  แต่ไม่สามารถสื่อสารหรือให้ข้อมูลกับตัวแทนจำหน่ายได้อย่างชัดเจน  ผลกระทบที่ตามมาก็คือตัวแทนจำหน่ายก็ไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อลูกค้าได้  การตัดสินใจของลูกค้าในการซื้อสินค้าก็ไม่เกิดขึ้น
การนำเสนอข้อมูลแก่บุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการบรรยาย เช่น การนำเสนอสินค้าใหม่การวิเคราะห์ยอดขาย หรือการนำเสนอข้อมูลต่อหน้าที่ประชุม เป็นกิจกรรมพื้นฐานของการทำงานในองค์กร วิธีการการนำเสนอข้อมูลรูปแบบที่คุ้นเคยโดยทั่วไป คือ การใช้แผ่นสไลด์หรือแผ่นใส ซึ่งเป็นวิธีนี้ต้องใช้เวลาในการเตรียมการพอสมควร  รวมทั้งการแก้ข้อผิดพลาดก็เป็นเรื่องที่ไม่สะดวก  ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีและการสื่อสารที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว  ซอฟต์แวร์ต่างๆได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างมากมายและมีผลกระทบต่อทุกกิจกรรมของธุรกิจ ในการที่จะทำให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิมากขึ้น โปรแกรม Microsoft PowerPoint, Open Office Impress, Apple Keynote หรือ Lotus Symphony Presentations เป็นตัวอย่างโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการนำเสนอ นอกจากจะอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการสร้างงานนำเสนอ    โปรแกรมยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับงานนำเสนอ ด้วยการใช้รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว  เสียง รวมทั้งยังมีเทคนิคต่างๆให้เลือกอีกมากมาย
สิ่งจำเป็นก่อนการสร้างงานนำเสนอ ที่จะต้องทำคือการพิจารณาทบทวนเหตุการณ์และขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นในช่วงขณะของการนำเสนอ  ผู้นำเสนอจะต้องเข้าใจและสามารถตอบคำถามได้ว่า อะไรคือวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของการนำเสนอ  ทำไมเราถึงต้องมีการนำเสนอ  อะไรที่ผู้ฟังคาดหวังว่าจะได้รับจากการนำเสนอในครั้งนี้   รวมทั้งส่วนไหนของการนำเสนอที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการสื่อสารครั้งนี้  คำถามเหล่านี้จะต้องมีคำตอบที่ชัดเจน มิฉะนั้นแล้วการนำเสนอก็เป็นเพียงการแบ่งปันหรือการส่งผ่านข้อมูลถึงผู้ฟังเพียงเท่านั้น   ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็น ต้องใช้โปรแกรม Microsoft PowerPoint เพื่อนำเสนอ อาจจะใช้วิธีการแจกรายงาน บทความ หรือแผ่นพับก็สามารถทำได้
    
  ก่อนที่จะเริ่มกำหนดเนื้อหาและโครงร่างของงานนำเสนอ สำหรับผู้นำเสนอที่ดีนั้นจะต้องมีความเข้าใจถึงปัจจัยหรือตัวแปรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยใช้หลักการ 5W คือ what, where, when, why และ who




  What
        เรื่องที่จะนำเสนอเป็นเรื่องอะไร เนื้อหาของการนำเสนอมีอะไรบ้างวัตถุประสงค์ในการนำเสนอ มีอะไร มีความพร้อมในการนำเสนอเพียงใด  เป็นการให้ข้อมูลอย่างเดียวหรือมีการวิเคราะห์และประยุกต์ใช้งานข้อมูลด้วย
        Where
        สถานที่ในการนำเสนอ ห้องที่ใช้นำเสนอมีขนาดเท่าใด ขนาดห้องมีผลต่อการนำเสนอ รวมทั้งลักษณะของห้อง เช่น ห้องหรือสถานที่มีขนาดใหญ่ การจัดทำสไลด์ก็ต้องมีรายละเอียดน้อยลงหรือสไลด์ควรมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
        When
        ช่วงเวลาในการนำเสนอ วัน เวลา สถานที่ เวลาในการนำเสนอมีผลต่อผู้ฟัง เช่น เวลาเช้า หรือบ่าย การรับรู้ของผู้ฟังมีต่างกัน อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาในการนำเสนอด้วย และเวลาในการบรรยาย เช่น หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง ควรมีเวลาพักให้ผู้ฟังสามารถซักถามได้
        Why
        ทำไมเราจึงต้องถูกกำหนดให้เป็นผู้นำเสนอ องค์กรหรือบริษัทมีความคาดหวังอะไรในตัวเราบ้าง และความสำเร็จในการนำเสนอนั้นคืออะไร
        Who

        ใครเป็นผู้ฟัง พื้นฐานของผู้ฟังมีอย่างไรบ้าง มีความเข้าใจในเนื้อหาก่อนที่จะบรรยายมากน้อยเพียงไร บางครั้งผู้ฟังมีพื้นฐานในเรื่องที่บรรยายพอสมควรแล้ว หากบรรยายพื้นฐานอีกครั้ง อาจทำให้ผู้ฟังเบื่อหน่ายได้

September 24, 2016

Innergie LifeHub Plus

    เหตุ เมื่อ adapter Surface 3 หาย หาไม่เจอ แต่ก็เอา adapter ทั่วๆไป ที่จ่ายไฟ 2.1A หรือ powerbank มาชาร์ตไฟก่อน เลยต้องหาซื้อ Adapter มาแทน
    ซึ่งเมื่อเดินหาใน Power Buy ใน Central East Ville แล้ว ไม่มีขาย  แต่ตาดันเหลือบไปเจอ Innergie LifeHub Plus ที่ราคา 903 บาท (ซื้อที่ powerbuy, central east ville, 24/9/2559) เพราะมีโปรโมชั่นลดราคา หืมมมมม จำได้ว่าราคามันพันต้นๆนี่นา เลยเอามาแทนเลยดีกว่า มาดูว่ามันจะพอใช้งานแทนได้ไหม


มีสองรุ่นนะครับ คือ Innergie LifeHub Plus และ Innergie LifeHub ต่างกันตรง Innergie LifeHub เป็นรุ่นที่เหมือนว่าจะใหม่กว่า สายยาว 4.5เมตร และจ่ายไฟ 6.3A แบบ  Fast Charging



    คุณสมบัติ (จากเวบ)

    • AC Input100-240V AC / 1.4A 50-60Hz
    • USB Port3 USBs
    • USB Output5.1V DC/2.4A (Each)
    • Output Power36W
    • Dimensions (L × W × H)81.9 × 45.5 × 18.2mm
    • 3.2 × 1.8 × 0.7 inches
    • Weight* (Body Only)79 g / 2.8 oz.

    แกะกล่อง



    ลอง เสียบชาร์ต กับ Surface 3, iPad Mini 2, Samsung Galaxy A8 พร้อมๆกัน ทำได้สบายๆ ใช้งานได้พร้อมๆกัน




    สรุป
    ข้อดี

    1. ชาร์ตได้หลายอุปกรณ์พร้อมๆกัน
    2. สายยาวดี
    3. หน้าตาดูน่าสงสัย แตะตา หาเรื่อง
    4. รับประกัน 3 ปี
    ข้อเสีย

    1. ไม่เหมาะในการพกพามากนัก
    2. ไม่มีสายชาร์ต microUSB หรือสาขาร์ต iphone แถมมาให้

    September 23, 2016

    ทบทวนการใช้งาน Microsoft Word

    ทบทวนการใช้งาน  Microsoft Word (ในคลิปเป็น word 2007 แต่คล้ายๆกับเวอร์ชั่นอื่นๆ)